วัตถุ# SCP-3032-th ดาบปฐพีพิทักษ์สยาม
ระดับ : Thaumiel / Keter
คำเตือน : เอกสารนี้เป็นเอกสารที่ถูกเก็บกู้ได้จากสถานที่ ████ โดย ดร.เทโร่ ฝ่ายวิจัย ในวัดร้างโบราณแห่งหนึ่ง ภายหลังเหตุการณ์ SCP-3032-th #COB25674
มาตรการกักกันพิเศษ : SCP-3032-th ไม่สามารกักกันได้ด้วยวิธีปกติ เพราะวัตถุจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้ภายใต้สถานที่เฉพาะอย่าง เช่น สุสานโบราณ หรือ สถานที่กลางแจ้ง เป็นหลัก จึงต้องกักกันด้วยการสร้างกำแพงป้องกันขึ้นมารอบรัศมี 200 เมตรรอบตัววัตถุ มีการตั้งป้อมปืนไว้ตลอดแนวกำแพง มีกล้องสอดส่องอยู่ภายในบริเวณโดยรอบ และมีเจ้าหน้าที่ระดับ 4 จำนวน 3 คนเฝ้าไว้ตลอดเวลา การเข้าถึงจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจาก O5 หรือเจ้าหน้าที่ระดับ 4 จำนวน 2 คนขึ้นไปเท่านั้น สถานที่ตั้งนั้นคือ [ปกปิด]
รายละเอียด : SCP-3032-th เป็นวัตถุที่เป็นคล้ายกับดาบไทยโบราณเล่มหนึ่ง มีความยาวราว 77 เซนติเมตร มีน้ำหนักถึง 2 ตัน ด้ามจับนั้นเป็นไม้สีดำสนิทและถูกพันไว้ด้วยเชือกสีแดงสด มีอัญมณีสีเขียวประดับอยู่ตรงบริเวณด้านล่างของด้ามจับ ภายในอัญมณีสลักเป็นรูปสามมิติของช้างสีขาวอยู่ภายใน ซึ่งมันจะอยู่ในสภาพของการหลับตาตลอดเวลา ปลอกดาบนั้นทำจากไม้ที่ถูกแกะสลักเป็นรูปของกองทัพไทยขนาดเล็กซึ่งกำลังตั้งแถวอยู่บนปลอกดาบที่บริเวณด้านนอกของดาบ แต่ภายในสลักเป็นอักขระปริศนาสลักไว้เป็นลวดลายและตลอดทั้งด้าม ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบองค์ประกอบหรือความหนาแน่นได้ เพราะพลังงานประหลาดรูปแบบหนึ่งที่ปกคลุมและเคลื่อนไหวอยู่รอบวัตถุ จากการตรวจสอบด้วย คาร์บอน -16 ภายในห้องทดลอง ████ ภายในแล๊ป ดร.████ ████ ของ ไซด์-██ พบว่าอายุของมันไม่ต่ำกว่า ████ ปี โดยทีมวิจัยนี้ได้ตั้งชื่อของวัตถุนี้ว่า ดาบปฐพีพิทักษ์สยาม
SCP-3032-th มีสถานะหลักๆอยู่ 2 สถานะทำงานที่ร่วมกัน คือ สถานะภายนอก กับ สถานะภายใน โดยสถานะภายนอกคือ สถานะยามที่วัตถุถูกใช้งาน กับ สถานะยามที่วัตถุยังไม่ถูกใช้งาน ส่วนสถานะภายในคือ สถานะหลับ และสถานะตื่น โดยสถานะที่ยังไม่ถูกใช้งาน พลังงานของวัตถุจะแผ่ออกมาในลักษณะของสนามพลังในระยะ 10 เมตร และวัตถุจะค่อยๆลอยขึ้นด้วยพลังงานที่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงระดับต่ำ ก่อนที่พลังงานจะจับตัวและขึ้นเป็นโครงร่างของมนุษย์สองร่าง โดยหนึ่งร่างกำลังคุกเข่าและยกวัตถุไว้เหนือหัวในท่าเหมือนกำลังถวายวัตถุให้กับบุคคลที่เป็นร่างพลังงานอีกร่างหนึ่งที่กำลังยืนและทำท่ายื่นมือเหมือนกำลังจะจับวัตถุราวกับภาพนิ่ง โดยเขตรอบสนามพลังจะปรากฏละอองสีทองที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตซึ่งจะช่วยในการรักษาบาดแผล ทำให้ร่างกายรู้สึกสงบ และผ่อนคลาย แต่ทว่า เครื่องมือไฮเทคต่างๆจะพัง ในรัศมี 200 เมตรรอบตัววัตถุซึ่งมีละอองแสงสีทองลอยอยู่ ด้วยอาการที่แตกต่างกัน ทีมวิจัยจึงใช้วิธีการนำส่วนหนึ่งของวัตถุกลับไปตรวจสอบด้วยคาร์บอน -16 เพื่อตรวจสอบอายุของวัตถุเพียงอย่างเดียว และการทดลองหลังจากนั้นก็เป็นการนำเอกสารเก่าที่ถูกเขียนไว้ในจุดที่ค้นพบมาใช้อ้างอิงเท่านั้น , สถานะถูกใช้งานยังไม่อาจจะทำการทดสอบได้
SCP-3032-th มีสถานะภายใน หนึ่งคือ สถานะสงบนิ่ง คือ สถานะที่วัตถุจะกระทำบางอย่างไปตามสิ่งที่เข้ามากระทบตรวจสอบสัญญาณชีพด้วยเครื่องมือวัดชีพจรระยะไกลรุ่น █████-██ พบว่าวัตถุปล่อยคลื่นความถี่บางอย่างออกมาจากอยู่ภายในวัตถุ ซึ่งทำให้สรุปได้ว่าวัตถุมีชีวิตและกำลังหลับอยู่ และในระหว่างที่วัตถุหลับ วัตถุจะทำการสร้างหุ่นรูปปั้นทหารไทยโบราณสะพายดาบสองเล่มอยู่เบื้องหลัง ล้อมรอบเป็นวงกลมจำนวน 4 ชั้น นับได้ทั้งสิ้น ██ ตัว ซึ่งรูปปั้นทั้งหมดจะถูกในสภาพคุกเข่าและหลับตาอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าการกระทำของวัตถุในสถานะนี้จะถูกกระทำไปโดยทำตามสิ่งเข้ามากระทบเช่น การป้องกันตัว หรือการซ่อนตัว และจะปล่อยพลังงานออกมาอย่างจำกัด สอง สถานะตื่น คือสถานะที่วัตถุตื่นขึ้นมาและกระทำสิ่งต่างๆด้วยตัวของวัตถุเอง ซึ่งพลังงานของวัตถุจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรง แต่วัตถุก็ตื่นขึ้นมาเพียงชั่วขณะ [อ่านได้ที่ภาคผนวก 2]
SCP-3032-th จากการตรวจสอบเอกสารต่างๆภายในหอสมุดเก่า ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่พบวัตถุ พบว่าวัตถุนั้นสามารถสร้างกองทัพจากดินและหินออกมาได้ชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งรูปปั้นทั้งหมดนั้นจะมีลักษณะเด่นอยู่ตรงที่บริเวณหน้าผากนั้นจะมีหยดสีแดงคล้ายๆกับเลือดและผ้าสีแดงผูกไว้บริเวณแขนหรือไหล่ทั้งสองข้าง โดยทั้งกองทัพประกอบไปด้วยทหารราบ ทหารหอก ทหารม้า ทหารช้าง ทหารธนู และกององค์รักษ์ นอกจากนี้วัตถุยังสามารถตรวจสอบความดีของผู้ที่เข้าใกล้ตัวของวัตถุได้และยังตรวจสอบความอันตรายหรือสถานะของการล่มสลายของสยามได้ ซึ่งวัตถุจะเลือกผู้ใช้และปกป้องผู้ใช้ที่วัตถุเป็นผู้เลือกจนกว่าเจ้าของจะสิ้นอายุขัยมันจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้าของ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการสื่อสารระหว่างผู้ใช้กับตัววัตถุทางจิตอีกด้วย จากเอกสารเก่าพบว่า วัตถุเคยสร้างรูปปั้นนักรบทหารม้าตนหนึ่งขึ้นมา ผู้ขี่เป็นมนุษย์เพศชายสะพายดาบไทยสองข้าง สวมหมวกปีกกว้างสีแดง สวมหน้ากากยักษ์สีเขียวคล้ายยักษ์ที่เฝ้าวัดของไทย และมียันต์ที่ถูกสลักเป็นใบหน้าของยักษ์ตนนั้นอยู่บนแผ่นหลัง พกพาตัววัตถุออกเดินทางไปเพื่อพบกับเจ้าของที่วัตถุเลือกด้วยตัวของวัตถุเอง [อ่านได้ที่ภาคผนวก 3]
อย่างไรก็ตาม วัตถุจะแสดงพลังหรือทำร้ายบุคคลใดก่อนนอกจากวัตถุจะรับรู้ได้ถึงอันตรายเท่านั้น หากมีคนที่จิตใจเป็นลบเข้าไปใกล้วัตถุ วัตถุจะทำการปกป้องตัวของวัตถุเอง ด้วยการทำให้รูปปั้นที่คุกเข่าอยู่โดยรอบตื่นขึ้นมาทำลายสิ่งที่เป็นภัยต่อวัตถุ จนกว่าสิ่งที่เป็นภัยต่อวัตถุจะถูกทำลาย วัตถุจะทำการสร้างรูปปั้นตนใหม่ขึ้นมาทดแทนรูปปั้นตนเก่าที่ถูกทำลายไปอย่างไม่มีสิ้นสุด ทีมวิจัยที่ ██ ของ ดร.████ ████ จึงได้ทำการกักกันและปิดมันไว้ไม่ให้เจ้าหน้าที่คนอื่นได้รับรู้เกี่ยวกับการทดลองนี้ แม้แต่เหล่า O5 ก็มีเพียงแค่ O5 ของไทยเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้
ปูมหลังการทดลอง SCP-3032-th ครั้งที่ 1 : ดร.████ ████ ได้นำรูปปั้นตนหนึ่งออกมาวิเคราะห์ส่วนประกอบพบว่ามันประกอบขึ้นมาจากแร่หินและดินในบริเวณใกล้เคียงกับตัวของวัตถุ แต่ทว่าเมื่อตรวจสอบด้วยคาร์บอน -16 พบว่า มันไม่ใช่แร่หินและดินธรรมดาแต่ทว่าเป็นแร่หินและดินของบริเวณนั้นย้อนกลับไปถึงปีที่ ████ จึงทำให้สามารถวิเคราะห์สภาพแร่หินและดินเมื่อหลายร้อยปีก่อนได้ แต่ทว่าเมื่อรูปปั้นออกห่างมาจากวัตถุได้ชั่วระยะหนึ่ง รูปปั้นนั้นก็ลืมตาและยกดาบที่มีใบดาบซึ่งทำจากวัตถุซึ่งไม่ทราบที่มา ทำลายสิ่งที่กักขังตัวของตัวรูปปั้นนั้นอย่างรุนแรง ซึ่งอาวุธทั่วไปและกำแพงของห้องทดลองที่ทำจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ไม่สามารถสร้างความเสียหายหรือป้องกันการหลบหนีของรูปปั้นได้ และยังทำให้เกิดความเสียหายต่อห้องทดลองและบริเวณรอบข้าง จึงจำต้องปล่อยให้รูปปั้นนั้นกลับไปประจำตำแหน่งเดิมจากจุดที่ถูกนำออกมา แจ้งผลการทดลองกลับไปยัง O5-█ กับทีมรักษาความปลอดภัยที่รับผิดชอบเกี่ยวกับวัตถุให้รับทราบไว้ เพื่อความปลอดภัยของทีมวิจัยและฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ปูมหลังการทดลอง SCP-3032-th ครั้งที่ 2 : ภายหลังการตรวจสอบรูปปั้นนั้น จึงได้ข้อสรุปว่า ให้ทำการทดลองแบบเดียวกับละอองแสงที่อยู่บริเวณโดยรอบของวัตถุแทนจะปลอดภัยกว่า แต่ทว่าเมื่อเริ่มทำตามข้อสรุปดังกล่าวก็พบว่าไม่สามารถกระทำได้เพราะเมื่อละอองเหล่านั้นออกห่างมาจากวัตถุมันจะสลายหายไปทันที แต่มีผลที่สามารถสังเกตและจดบันทึกไว้ได้ 2 อย่างคือ การทำให้ผู้ที่บาดเจ็บผ่อนคลายและรักษาบาดแผลได้แต่หากบาดแผลหนักเกินไปจะทำให้ผู้บาดเจ็บผ่อนคลายและจากไปอย่างสงบแทน กับ ทำให้ดินโดยรอบมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น แต่ทว่าเมื่อไม่สามารถนำละอองแสงเหล่านั้นออกมาจากรัศมีของวัตถุได้ จึงทำให้การทดลองในเบื้องต้นสิ้นสุดเพียงแค่นี้
ภาคผนวก : SCP-3032-th ถูกค้นพบภายในเขตวัดร้างในหุบเขาแห่งหนึ่ง บริเวณแถบภาคอีสาน เมื่อวันที่ ██ เดือน ██ ปี ████ โดยทีมนักสำรวจของสถาบันกลุ่มหนึ่งซึ่งทำงานให้กับ สถาบันในการค้นหา SCP จากเอกสาร ตำนานหรือหมายเหตุภายในประเทศนั้นๆ ซึ่ง O5 คนหนึ่งในเวลานั้นได้มอบการดูแลวัตถุให้แก่ ดร.████ ████ เจ้าหน้าที่ระดับ █ ที่อยู่ฝ่ายวิจัยของ ไซด์-██ ให้ค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับวัตถุชิ้นนี้อย่างเป็นความลับ
ภาคผนวก 2 : ในระหว่างการสร้างกำแพงปิดกั้นวัตถุ ในยามกลางดึกคืนหนึ่ง วัตถุได้แผ่พลังงานออกมาอย่างรุนแรง พลังงานเหล่านั้นนำไปสู่แผ่นดินไหวในบริเวณโดยรอบรัศมี 200 เมตร พร้อมกับปรากฏร่างเงาจำนวนมากโผล่ขึ้นมาแผ่นดินแต่ทว่าเพียงแค่ไม่นานนักวัตถุก็สงบลงพร้อมกับพลังงานจำนวนมากดังกล่าวค่อยๆหายไปเช่นกัน และร่างเงาจำนวนมากก็ค่อยๆแตกสลายและกลายเป็นเพียงแค่เศษดินปกติ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่ความปกติในเวลาไม่นาน
ภาคผนวก 3 : จากการสืบหาข้อมูลภายในสถานที่ใกล้เคียงกับจุดที่พบวัตถุ ได้เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุไว้หลักๆ 4 เรื่องคือ ที่มาของวัตถุ ลักษณะของวัตถุ สิ่งที่วัตถุเรียกออกมา และสิ่งที่วัตถุได้กระทำซึ่งถูกบันทึกไว้ โดยบางส่วนเขียนไว้อักษรโบราณที่ไม่สามารถอ่านได้ แต่คาดการว่าผู้ใช้เท่านั้นที่จะอ่านสิ่งเหล่านั้นได้ เพื่อป้องกันการนำความรู้เหล่านี้ไปใช้นอกจากตัวผู้ใช้นั้นเอง
หมายเหตุ : เมื่อวันที่ ██ เดือน ██ ปี ████ วัตถุได้เรียกกองทัพรูปปั้นทหารม้าออกมาและทำการเข้าจู่โจมกำแพงฝั่งตะวันออกก่อนที่มันจะหายลับไปจากเขตกักกัน ซึ่งปัจจุบันทางสถาบันกำลังการติดตามเบาะแสของ SCP-3032-th เพื่อจะนำกลับมายังสถาบัน